Sun, 13 December 2020
"ความเคยชินสำคัญมาก คือการสร้างนิสัย(การภาวนา) พอเกิดความเคยชิน ว่างปุ๊บใจก็จะนึกเรื่องนี้(ภาวนา)ก่อน เหมือนเราหยิบโทรศัพท์มือถือ ว่างปุ๊บหยิบปั๊บมาดูทันที อันนี้คือความเคยชิน มันกลายเป็นนิสัย ฉะนั้นเราก็ต้องทำให้เป็นแบบเดียวกัน แต่เปลี่ยนเป็นว่างปุ๊บ หยิบจิตขึ้นมาดู เราต้องหยิบขึ้นมาดูก่อน เรายังไม่ใช่ขั้นปล่อยว่างจิต เราต้องหยิบจิตขึ้นมาดูก่อน แทนหยิบโทรศัพท์ ตื่นลืมตาปุ๊บ ดู(จิต)ก่อน ต้องทำให้ได้อย่างนั้นก่อน ถ้าไม่ได้อย่างนี้จะภาวนายาก เพราะจะขาดความต่อเนื่อง" --ทันตแพทย์ ณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๓ |
Sun, 14 June 2020
"ก่อนที่จะเริ่มภาวนาก็รู้สึกตัวก่อน ให้อยู่กับความรู้สึก ให้อยู่กับความรู้สึกตัว อย่าเพิ่งทำความสงบซะทีเดียว อยู่กับความรู้สึกตัวให้ชัดเจน ให้รู้สึกตัวชัดเจน สบายๆก่อน แล้วค่อยเริ่มภาวนา ทำสมาธิที่เราทำ แล้วก็สังเกตว่าจิตเราไม่ได้ถูกดัดแปลง" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Fri, 12 June 2020
"ในทุกการกระทำของเรามีกิเลสแฝงอยู่ หัดดูไป มันเป็นประโยชน์ เราจะได้เห็นกิเลสตัวนั้นถูกรู้ เห็นกิเลสตัวนั้นเป็นไตรลักษณ์ เพราะถ้าเราไม่รู้ทัน กิเลสมันย้อมใจเรา มันก็แช่ไปเรื่อยๆ การภาวนาของเราบางทีก็ดูเหมือนไม่พัฒนา ไม่คืบหน้า ที่จริงแล้วมีกิเลสให้ดูตลอดเวลาเลย แต่มันค่อนข้างจะละเอียดขึ้น เวลาภาวนาไปช่วงหนึ่ง กิเลสหยาบๆ จะไม่ค่อยให้เห็นแล้ว จะมีก็เวลากระทบผัสสะแรงๆ เท่านั้น เราต้องหัดดูกิเลสกลางๆ ที่จะทำให้เราแช่อยู่โดยไม่รู้ตัว การทำในรูปแบบยิ่งจำเป็นมากขึ้น เพราะการไปเห็นกิเลสที่ละเอียดขึ้น จิตต้องมีกำลังพอ ถึงจะแยกออกมาได้" --คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Wed, 10 June 2020
"ฝึกรู้สึกตัวไป ไม่ต้องถามว่าฝึกไปถึงเมื่อไร เมื่อไรก็เมื่อเข้าใจธรรมะนั่นแหละ ฝึกไปไม่เลิก นี่คือสิ่งที่ทำประโยชน์ให้กับตนเอง เราเกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งทีแล้ว มันไม่เป็นกันได้ง่ายๆ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือการพัฒนาจิตใจของตัวเราที่เรารักมาก แล้วในที่สุดเราจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เพราะต่อให้เราได้อะไรมากมายอย่างที่เราต้องการ แต่ลึกๆ แล้วก็มีความทุกข์อยู่ตลอดเวลา ได้อะไรมาก็อยากได้อย่างอื่นอีก มันไม่มีวันสิ้นสุด" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Mon, 8 June 2020
"เราลองนึกดูว่าในชีวิตประจำวันเรามีสติจริงๆ กี่ครั้ง มันวัดเลยว่าเราอยู่ใกล้หรืออยู่ไกลมรรคผล เนี่ยตัววัดจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราภาวนาแล้วเข้าฌานได้ ตัวที่วัดได้จริงๆ คือเรามีสติได้มากขนาดไหน รู้สึกตัว เห็นกิเลสของตัวเองมากแค่ไหน นั่นแหละเป็นตัววัด เพราะว่าถ้าเราภาวนาแล้วไม่ลงมาที่จิตที่ใจ มันก็ไม่ไปไหน การพัฒนาของจิตเราไม่ได้เกิดจากที่ว่าเราทำอะไรได้มากขึ้น แต่พัฒนาจากกิเลสที่มันบางลง" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Sat, 6 June 2020
"ถ้าอยากภาวนาให้เห็นผลเร็ว ไม่ต้องไปคิดถึงผล คิดอยู่แค่ปัจจุบัน ทำปัจจุบันของเรา ฝึกสัมมาสติ ฝึกให้มีสัมมาสมาธิ เรื่องเดินปัญญาไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องทำอะไรมาก มันก็จะเดินปัญญาไปของมันได้ง่ายๆ พอถึงขั้นนี้แล้ว ขั้นตอนที่เหลือคือทำบ่อยๆให้เกิดบ่อยๆ ส่วนจะบรรลุเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับบารมีที่เราสะสมมาส่วนหนึ่ง กับที่เราทำปัจจุบันส่วนหนึ่ง" --พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Thu, 4 June 2020
"สมถะกรรมฐาน จิตไม่ดีทำให้ดี จิตไม่สงบทำให้สงบ จิตไม่มีกำลังต้องเอามาพัก พอเราสงบ เราพักพอแล้ว จิตจะมีกำลังขึ้นมา มีความตั้งมั่น ตรงนี้แหละที่เราเรียกว่า "เตรียมความพร้อมของจิต" เพื่อจะขึ้นวิปัสสานากรรมฐาน มาเรียนรู้กายและใจตามความเป็นจริงอย่างที่เค้าเป็น" --คุณมาลี ปาละวงศ์ ชมรมกัลยาณธรรม ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Tue, 2 June 2020
"อย่าไปตั้งความหวังมาก อยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด รักษามาตรฐานใน 1 หน่วยของปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด มันก็จะดีเอง อย่าไปมองไปข้างหน้า แล้วก็พยายามจะทำให้มันได้ พยายามอยู่ที่ไหน ก็ล้มเหลวอยู่ที่นั่น ทำที่ปัจจุบันขณะให้มันดี ก้าวที่ 1 ให้มันถูกตลอดนะ ก็กลับไปว่าวางจิตอย่างไร แค่สะเทือนให้เห็น เนี่ย 1 ก้าว ก้าวแรกต่อไปอย่างนี้ถูก ก้าวต่อไปก็ก้าวที่ 1 ไม่มีก้าวที่ 2 มีความเพียร รักษาก้าวที่ 1 ไม่มีก้าวที่ 2" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ในภาคปฏิบัติ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Sun, 31 May 2020
"จุดประสงค์คือ ให้รู้ชัด จิตตั้งมั่น รู้สึกชัดคือ ตัวรู้เมื่อจิตถึงฐาน ความสงบมีอยู่ แต่ต้องมีพร้อมความรู้สึก ถ้าใจไปสนใจความสงบอย่างเดียวจะเป็นนิ่ง" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ในภาคปฏิบัติ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Fri, 29 May 2020
"สมาธิมีคุณค่า จำเป็นนะ ดังนั้นถ้าทำรูปแบบได้ทุกวัน ออกมาใช้ชึวิตในชีวิตประจำวันจะสบายเลย ตามดู เก็บแต้มอย่างเดียว ออกมาก็เก็บแต้มต่อ กลับบ้านไปก็ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะมันดูได้เยอะ มันไม่ได้ทั้งวันหรอก แต่มันดูได้เยอะขึ้น และดูง่าย มันเห็นอะไรง่าย สบาย ไม่ต้องใช้ความพยายาม ไม่ต้องคาดเดาว่า เอ๊ะ เมื่อกี้ เห็น ใช่หรือเปล่านะ คำนี้จะไม่ค่อยมี พอดูง่ายมันก็จำง่าย สภาวะอะไรก็จำง่าย ทีนี้จิตเคลื่อนก็เห็น เห็นง่าย ก็จำง่าย สติก็เกิดง่ายขึ้นไปอีก ตอนนี้ความรู้ที่มันลอยๆ รู้ไม่ชัดก็จะชัดขึ้นไปอีก พอสติที่ถึงฐานเล็ก เล็ก เล็ก เล็ก ที่เค้าเป็นขณิกะเริ่มเกิด จะทำให้ตอนเราทำในรูปแบบ จิตจะค่อยๆลงมาสู่ฐาน" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ในภาคปฏิบัติ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Wed, 27 May 2020
"ถ้าจิตมีความสุข ให้เห็นว่า จิตที่มีความสุขนั้นเป็นเวทนา จิตที่มีความรู้สึก ในความรู้สึกไม่ได้มีความสุข จิตที่มีความรู้สึกมันแค่รู้อย่างเดียว จิตที่มีความสุขเป็นอีกจิตหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจที่ทำให้จิตมันไหล หลง เข้าไป ความสุขนั้นอาจจะรวมถึง ปีติ ปีติ ก็คือความสุขอย่างหนึ่ง แต่เป็นสภาวะที่มันหยาบและรุนแรงกว่าสภาวะของเวทนาที่เรียกว่าสุข ถ้ายังไม่เห็นปีติหรือสุขก็ยังไม่ต้องรีบ เพราะว่าความสงบหรือสภาวะเรายังไม่พร้อม เราก็เฝ้าดูไป" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ในภาคปฏิบัติ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Mon, 25 May 2020
"จริงๆ ไม่ต้องการอะไรเลย ต้องการมี รู้สึก กับสิ่งที่ถูกรู้ เท่านั้นเอง ทุกอย่างเป็นสภาวะหมด จะสงสัย ก็เป็นสิ่งที่ถูกรู้ สงสัย รู้ว่าสงสัย ถูกเลย" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ในภาคปฏิบัติ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Sat, 23 May 2020
"บริกรรมอย่าพยายามมุ่งเอาความสงบ บริกรรมแค่แตะๆ เป็นฉากๆ ถ้าบริกรรมจับให้สงบ เวลามันเผลอ มันเผลอแรง มันจะดีดกลับแรง ต้องแตะเบาๆ ให้เป็น Background แล้วพอมันลืม มันจะเห็นเร็ว" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ในภาคปฏิบัติ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Thu, 21 May 2020
"ไม่ว่าจะทำวิธีไหนก็ตาม ลักขณูปณิฌานต้องทำให้ได้เสียก่อน แม้จะเติมอะไรที่มากขึ้นตามจริตของแต่ละคน แต่ว่า Basic หรือ Minimum Requirement ต้องทำให้ได้ คือ ทำจิตที่รู้สึกตัวให้ได้ จะทำมากจนถึงจิตมีกำลังมาก จากขณิกสมาธิเป็นอุปจารสมาธิ หรือเป็นฌาณก็แล้วแต่ ถ้าใครสามารถทำได้ แต่อย่างน้อยต้องให้ได้ ขณิกสมาธิ พื้นฐานของขณิกสมาธิ คือ ความรู้สึก รู้ชัด ให้เกิดขึ้นเสียก่อน ถ้าไม่ได้ตัวนี้ จะภาวนาไม่ได้ ถ้าได้ตัวนี้ วิปัสสนูปกิเลส ก็จะไม่เกิด เพราะว่าวิปัสสนูปกิเลสนั้น หลวงพ่อฯเคยบอกไว้ว่า เกิดจากจิตที่ออกไปรู้ข้างนอก ขาดสมาธิ" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ในภาคปฏิบัติ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Tue, 19 May 2020
"ถ้าเราภาวนามาช่วงหนึ่งแล้วรู้สึกว่าเราไม่พัฒนา จริงๆ แล้วบางทีเรายังติดกิเลสที่ละเอียด แต่เรามองไม่เห็น ลองไปสำรวจตัวเอง อะไรที่ยังติดยังข้องอยู่ อะไรที่เป็นความเคยชินของเรานี่แหละ จะเป็นตัวที่หลอกเราได้ดีที่สุด เพราะความเคยชินนี่ เราจะไม่รู้ตัว จะทำตามความเคยชินแล้วก็ติดอยู่ตรงนั้น" --คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ |
Sun, 17 May 2020
"เราเลือกที่จะดูสภาวะที่ถูกใจ พอสภาวะที่ไม่ถูกใจ ที่มันไม่นำความสุขมาให้ ที่มันนำความทุกข์มาให้ เราปฏิเสธ ถ้าเรายอมรับความจริงว่ามันเป็นแค่สภาวธรรม มันแสดงให้เราดู มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เราจะเห็นสภาวะได้เยอะแยะ จะสนุกแล้วก็ฉลาดมากขึ้น เพราะสภาวะที่ถูกใจ หรือสภาวะที่ไม่ถูกใจ ล้วนแต่แสดงไตรลักษณ์ทั้งสิ้น มันเกิดแล้วก็ดับ บังคับบัญชาอะไรไม่ได้สักอย่าง" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน (nit630131) |
Wed, 13 May 2020
"ภาวนาต้องอาศัยแรงใจ ต้องอย่าลืมว่าเราทำสงครามกับกิเลส เราทำสงครามระยะยาว เราอาจไม่ได้ทำสงครามชาติเดียวหรอก เราตั้งใจแค่ดูมันเรื่อยๆ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ แต่จะดู จะภาวนาซะอย่าง ตั้งเป้าไว้อย่างนี้ อย่างน้อยถ้ามันไม่ได้อะไรจริงๆ มันก็ยังเป็นสมบัติที่ติดตัวเรา ทั้งบุญกุศล ทั้งจิตที่คุ้นเคยกับการภาวนา มันเหมือนเป็นโปรแกรมที่อยู่ในจิต ข้ามภพข้ามชาติไป" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ |
Mon, 11 May 2020
"สติต้องเกิดเอง ย้ำนะว่าต้องเกิดเอง เป็นสัมมาสติ ถึงจะใช้ได้ ถ้าภาวนา ยังมีการบังคับ มีการจงใจ มีการชักชวนให้ดูอยู่ ยังคิดอยู่ สติตัวจริงไม่เกิด แต่ถามว่า จำเป็นต้องทำไหม จำเป็นต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ สติตัวจริงก็ไม่มีทางเกิด" --พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ |
Sat, 9 May 2020
"การทำในรูปแบบ ต้องประกอบด้วยสติ การเดินจงกรมเป็นการทำสมถะอย่างหนึ่งเหมือนกัน ต้องประกอบด้วยสติ จิตเป็นยังไง เรารู้ ไม่อย่างนั้น เราก็เหมือนกับที่หลวงพ่อบอก ทำมิจฉาสมาธินั่นแหละ คือ ทำสมาธิโดยที่ไม่มีสติรู้ทันว่า ตอนนี้เป็นยังไง" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓ |
Sat, 9 May 2020
"ถ้าเรามาเห็นจิตที่หลง คือหลงออกไปหกช่องทาง ออกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตอนนั้นคือ มันมีตัวรู้ขึ้นมา มันตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ผู้ดู เพราะขณะที่หลงนั้น คือจิตที่ไม่ได้อยู่ที่ฐาน เป็นจิตที่ฟุ้งซ่าน ความฟุ้งซ่านเป็นศัตรูของสมาธิ เมื่อไหร่ที่รู้ว่าฟุ้งซ่าน ตอนนั้นเกิดสมาธิขึ้นหนึ่งขณะ หนึ่งขณะ ทุกครั้งที่รู้ตรงความเป็นจริง" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓ |
Thu, 7 May 2020
"สิ่งหนึ่งที่วัดเราได้ สังเกตุได้เลย เราจะรู้เลยว่าช่วงนี้การปฏิบัติเราติดอยู่ตรงไหน ตอนตื่นนอน สมมุติรู้สึกตัวขึ้นมาปุ๊บแว๊บแรก แล้วมันไหลไปคิดหมดเลยให้รู้ว่า ช่วงนี้ให้รู้เลยว่าจิตฉันฟุ้งซ่าน แต่ถ้าแว้บแรกขึ้นมามันนิ่งๆให้รู้ว่าจิตเราติดนิ่งอยู่ เราสังเกตได้เลย ขึ้นมาแล้วว่างๆ จิตเราไปติดว่างอยู่ นี่คือนาทีทองของการที่เรารู้ว่าจิตขณะแรกเราติดอะไรอยู่ แต่ถ้ารู้สึกตัวขึ้นมาเห็นร่างกายชัด ให้รู้เลยว่าช่วงนี้จิตเรามีกำลังที่จะดู จิตเรามีกำลังที่ดูได้อยู่" --คุณมาลี ปาละวงศ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒๖ มกราคม ๒๕๖๓ |
Tue, 5 May 2020
"ฝึกไปจนสติตัวจริงเกิด ถ้ามันไม่เกิดต้องพามันดูไปก่อน ดูร่างกายทำงาน ดูจิตใจทำงาน ดูความโลภ ความโกรธ ความหลง ดูไปเรื่อยๆ ดูไปบ่อยๆ ต่อไปพอสภาวะมันเกิด สติจะเกิดขึ้นเองอัตโนมัติ" --พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สกลุ่มธรรมทาน ๑๗ มกราคม ๒๕๖๓ |
Sun, 3 May 2020
"เห็นเท่าที่เห็นได้ แต่ละคนเห็นสภาวะไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าต้องเห็นทั้งเกิด ทั้งดับ สภาวะอะไรเกิดขึ้นในกายในใจเรา เรารู้ก็พอแล้ว รู้ทันเท่าที่รู้ได้ สะสมกำลังไป สะสมความรู้ความเข้าใจให้จิตไปเรื่อยๆ เรารู้สึกถึงความรู้สึกในใจเราที่เปลี่ยนไป รู้สึกถึงกิเลสที่เกิดขึ้นในใจ เห็นใจที่มีภาระ เราดูในอีกมุมหนึ่งก็ได้ เราดูในมุมที่เราดูได้ เรารู้การเปลี่ยนแปลงในมุมที่เราไปเห็นเข้า เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในใจเรา อันนั้นก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องเห็นเกิดๆ ดับๆ เหมือนกันทุกคน แต่ละคนเห็นไม่เหมือนกัน" --คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร คอร์สกลุ่มธรรมทาน ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ |
Fri, 1 May 2020
"พวกที่กิเลสแรง แนะนำให้ไปดูกิเลสตัวเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ หัดดูของเราไป เราหัดดูกิเลสเล็กๆ ได้ จิตจะมีกำลัง เวลามันแรงขึ้น มันจะไม่แรงเท่าเดิม ไม่ทันแรง เราก็รู้ทันได้ไวขึ้น สมมติว่ามีราคะแรงๆ ก็หัดดูราคะตัวเล็กๆ ใครที่มีโทสะแรงๆ หัดดูโทสะตัวเล็กๆ ของเรา ที่มีอยู่ประจำต่อเนื่อง เรื่อยๆ หัดดูไป ต่อไปใจเราก็จะรู้ทันได้ไวขึ้น" --คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร คอร์สเรียนรู้ตัวเองขั้นพื้นฐาน ๑๑ มกราคม ๒๕๖๓ |
Wed, 29 April 2020
"บางคนจะให้ไปดูจิตที่ไหล ดูยาก นานๆ จะเห็นที พอเราเจตนาไปดูก็เป็นบังคับ มันดูไม่ได้ตลอดเวลา ไม่เห็นจิตไหลไม่เป็นไร แต่พอไหลแล้ว ใจเป็นอย่างไร เราคอยรู้ทัน ยังใช้ได้ สมมุติว่าใจไหลไปแล้ว ใจคิดเรื่องดี เรื่องไม่ดี ใจยินดีหรือยินร้าย หรือใจไม่เป็นกลาง รู้ทันตรงนั้นก็ยังได้ หรือว่าไหลไปแล้ว ใจมีกิเลส มีโลภ มีโกรธ มีหลงอะไร เราคอยรู้ทัน อย่างนี้ก็ยังใช้ได้ ไม่ต้องดูได้ละเอียดลึกซึ้ง สภาวะหยาบหรือละเอียดมีค่าเท่ากัน แต่ให้เรามีสติรู้ทัน นั่นใช้ได้" --พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สเรียนรู้ตัวเองขั้นพื้นฐาน ๑๐ มกราคม ๒๕๖๓ |
Mon, 27 April 2020
"การภาวนาต้องสบายๆ เป็นอย่างที่เคยเป็น เป็นคนร่าเริงก็ร่าเริงได้ แต่ให้รู้สึกตัว แต่คำว่ารู้สึกตัว มีสติ มันคอยบังคับให้เราควบคุมอยู่เรื่อยๆ ไม่ต้องรู้สึกตัวตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้ รู้เท่าที่รู้ได้ ค่อยๆ ฝึกไป ถ้ารู้สึกตลอดเวลาให้รู้เลยว่าเพ่งแล้ว ผิดปกติ ผิดธรรมดา ผิดธรรมชาติ เพราะธรรมชาติเราต้องหลง หลงมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ หลงมาตั้งแต่เล็กจนโต จนป่านนี้ อยู่ๆ จะให้ไม่หลง มันเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าอย่าหลงนาน ให้หลงบ่อยๆ เพราะว่าตอนที่รู้ว่าหลงนั้นคือ รู้สึกตัว" --อ.นิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สเรียนรู้ตัวเองขั้นพื้นฐาน ๙ มกราคม ๒๕๖๓ |
Sat, 25 April 2020
"สิ่งต่างๆ เวลาที่เราภาวนาไป ทุกครั้งที่เราภาวนาแล้วมันไม่ใช่หรือมันผิด อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเดินผ่าน ถ้าทำอย่างนี้มันก็ผิด ทำอย่างนี้มันก็ผิด วันหนึ่งมันถึงรู้ว่าที่ผิดมาเพราะอะไร แล้วมันจะถูกเอง อย่าคิดว่า อันนี้ก็ผิดอีกแล้ว อันนี้ก็ผิดอีกแล้ว เพราะข้อเท็จจริงการภาวนา สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาไม่ได้ เรามีแต่เรียนรู้เหตุ ทำอย่างนี้เผลอไป ทำอย่างนี้ฟุ้งไป อย่างนี้เพ่งไป มันจะมีอย่างนี้สองสภาวะ สามสภาวะ แต่ทั้งหมดที่เราจะเรียนรู้ เราไม่ได้เอาตัวที่ไม่ฟุ้ง เราไม่ได้เอาสงบ เราต้องเอาไม่เพ่ง ไม่ใช่ สิ่งที่เราจะเรียนรู้ทั้งหมดว่า ไม่ว่าสิ่งใดเกิดสิ่งนั้นก็ดับ นี่คือเส้นทางที่พระโสดาบันเห็น" --คุณมาลี ปาละวงค์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Thu, 23 April 2020
"ผู้เรียน : กราบพระให้ดูร่างกายเคลื่อนไหวใช่ไหมครับ คุณหมอณัฐ : ใช่ แต่ว่าให้ย้อนดูใจด้วยว่า ตรงที่กราบเนี่ยมีการสำรวมหรือรวบใจไว้ รู้กาย แล้วก็รู้ใจด้วย ถ้าไม่เห็นการรวบ ก็จะติดรวบ ถ้าเห็นสิ่งใด ก็ไม่ติดสิ่งนั้น" --ทันตแพทย์ณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สจีนครั้งที่๑๒ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Tue, 21 April 2020
"การดูลมหายใจ หรือ ทำกรรมฐานอะไรก็ตาม สิ่งที่เราต้องการคือ ความรู้สึก ความรู้สึก เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ความรู้สึก จะนำไปหาความรู้สึกตัว ความรู้สึก กับความสงบ เป็นคนละตัว ในความสงบอาจจะไม่มีความรู้สึก แต่ในความรู้สึก มีความสงบหล่อเลี้ยงอยู่ ความสงบที่มีความรู้สึก จะนำเข้าหาสิ่งที่เรียกว่า สมาธิ ในความรู้สึกพร้อมความสงบ ที่เรียกว่าสมาธิ เพราะมีความ รู้ ตื่น เบิกบานอยู่ มีภาวะ รู้ ตื่นตัว จิตไม่ขี้เกียจ พร้อมทำงาน อ่อนโยน นุ่มนวล คล่องแคล่ว ไม่ใช่การ ควบคุม บังคับ" --ทันตแพทย์ณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สจีนครั้งที่๑๒ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Sun, 19 April 2020
"ผลที่เรานั่งสมาธิ เราลองไปสังเกต ใจตัวเอง ถ้านั่งแล้วใจมันซึม มันเคลิ้ม แสดงว่าสติอ่อนไป หรือว่า นั่งแล้วมันเคร่งเครียด ก็แสดงว่าเพ่งมากไป ถ้าเพ่งมากไป ก็โยนกรรมฐานเก่าทิ้งไป แล้วทำสบายๆ หรือทำไปแล้วมันฟุ้งๆ ก็แสดงว่า พื้นฐานเราใจมันฟุ้งซ่านง่าย ก็แค่รู้ว่าใจมันฟุ้ง แล้วเราก็ทำ จะพุทโธ หรือ หายใจไป เราก็ทำไปเหมือนเดิม แค่รู้ทันใจเรา" --พระอาจารย์สมชาย คอร์สจีน#๑๒ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Fri, 17 April 2020
"เราหัดรู้ทันไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะเห็นไตรลักษณ์ของความปรุงแต่งทุกตัว เป้าหมายหลักของเราก็คือ เห็นความปรุงแต่ง เห็นขันธ์ ๕ แต่ละตัวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เห็นมันเป็นไตรลักษณ์ไปเรื่อยๆ คือเห็นทุกตัว มาแล้วไปๆ" --คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร คอร์สจีน#๑๒ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Wed, 15 April 2020
ภาวนากลมกลืนไปกับการทำงาน - พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สจีน 23 ธ.ค. 62 (sci621223) 《工作与修行水乳交融》——阿姜宋
"ถ้าเราภาวนาแล้วไม่เอาการปฏิบัติมาหลอมรวมกันในชีวิตจริงๆ โอกาสที่จะเข้าใจธรรมะยากมาก ถ้าภาวนาทั้งวันแล้วกลายเป็นว่าเราทำสมาธิทั้งวัน นั่งก็นั่งเพ่ง เดินก็เดินเพ่ง แล้วทำอยู่นานๆ เข้า ผลสุดท้ายกลายเป็นเพ่งจนชำนาญ แต่เวลาใช้ชีวิตจริงๆ มีสภาวะให้ดูทั้งวัน กระทบผัสสะเยอะมาก แล้วร่างกายเป็นอย่างไร จิตใจเป็นอย่างไรแล้ว มันจะเห็นง่ายกว่า มาฝึกสติในชีวิตจริงๆ ให้ได้ จะพัฒนาได้เร็ว" --พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สจีน ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Mon, 13 April 2020
"คนส่วนใหญ่เริ่มปฏิบัติแล้วพลาด เพราะจะไปดูจิตโดยตรง มันไม่เห็นเพราะเรายังไม่ได้ซ้อมการมีสติที่ถูกต้อง จะไปดูจิตโดยตรงมันจะไม่เห็น สิ่งที่เห็นคือคิดเอา ดูไม่ถึงจิต แต่ถ้าเราฝึกสติเรื่อยๆ จิตจะไปเริ่มรู้สภาวะเองโดยที่เราไม่ได้สั่ง จิตทำเอง จิตเรียนรู้สภาวะเอง ตามรู้จิตเปลี่ยนแปลงเอง แต่จะทำถึงขั้นนี้ได้ต้องมีกำลังเพียงพอ เราต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ มีงานเยอะหรืองานน้อยก็ทำ เราไม่ทิ้งการปฏิบัติ แล้วผลของธรรมะก็ไม่ทิ้งเราไปเหมือนกัน" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์ส ก.ล.ต. ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Sat, 11 April 2020
"พาใจมาเห็นความจริง เห็นกายทำงาน เห็นใจทำงาน รู้สึกด้วยใจไปเรื่อยๆ เห็นซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ เห็นความไม่เที่ยง ความทนอยู่คงที่ไม่ได้ การที่เห็นซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ มันจะเริ่มพบเลยว่า ในกายใจของเรานี้ มันหาอะไรที่เที่ยงแท้ถาวรไม่ได้ เอาเป็นที่พึ่งพาอาศัยไม่ได้ จิตนี้จะค่อยๆ คลายความยึดถือลง คลายความผูกพันลง ถ้าเราคลายความยึดถือลง คลายความผูกพันลงได้เมื่อไหร่ ทั้งหมด ถึงวันหนึ่ง เราก็จะพ้นทุกข์ได้" --คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร คอร์ส ก.ล.ต. ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Thu, 9 April 2020
"ยิ่งเห็นสภาวะได้มาก นั่นคือ เรามีสมาธิมาก ที่หลวงพ่อบอก เป็นฆราวาสที่มีคุณภาพ มีจิตตั้งมั่นมากๆ ต่อไปก็จะเรียนรู้กาย เรียนรู้ใจเราได้มากๆ เห็นตัวหลงเกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ต้องไปห่วงเรื่องปัญญา มันตามมา เพราะเกิดตัวรู้ตัวนี้ เกิดตัวรู้ จิตตั้งมั่นขึ้นมา จะเห็นสิ่งที่ถูกเห็น เป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู สิ่งที่ถูกรู้ถูกดู ไม่ใช่ตัวเรา" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์ส ก.ล.ต. ๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Tue, 7 April 2020
"สิ่งที่เรียนรู้ในเส้นทางของการปฏิบัติ คือ ศึกษาเรื่องศีล ศึกษาเรื่องจิต ศึกษาเรื่องปัญญา ศีล คือ พื้นฐาน เปรียบเหมือนแผ่นดิน ถ้าฐานไม่หนักแน่น สร้างสิ่งใดบนแผ่นดินนั้นก็ล้ม ศีล คือ การมีเจตนางดเว้นที่จะไม่ทำกรรมชั่วหยาบ... รู้ทันจิต คืออะไร ขณะที่นั่งอยู่ รู้สึกถึงการมีอยู่ของร่างกาย รู้สึกว่าร่างกายนี้นั่งอยู่ มันมีตัวนึงรู้สึก นั่นแหละคือจิต... จิตที่ตั้งมั่นต้องประกอบด้วยจิตที่โปร่ง โล่ง เบา ปราดเปรียว คล่องแคล่วว่องไว ซื่อตรงต่อการรู้อารมณ์ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง จิตแบบที่เรียกว่าสัมมาสมาธิ ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการเจริญปัญญา เพราะขณะที่ตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ดู เป็นจิตที่เป็นสัมมา เห็นทุกสภาวะที่มันผ่านมาผ่านไป คงอยู่ไม่ได้ ไม่เที่ยง ต้องสลาย ต้องเสื่อมไป มันเป็นของมันเอง บังคับบัญชาไม่ได้ นี่แหละเจริญปัญญา" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์ส ก.ล.ต. ๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Sun, 5 April 2020
"เวลาที่เราภาวนาดีๆ เรามักจะพยายามรักษาให้มันดีต่อไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าจิตที่ภาวนาดีแล้วจะหลุดพ้น ต้องเรียนรู้นานเลย กว่าจิตจะยอมว่ามันไม่ถูก อย่างเราภาวนาดีแล้ว เราไปอยู่กับโลกแล้วจิตเสื่อม เราก็ไปโทษว่าการไปทำงาน การออกไปข้างนอกทำให้จิตเสื่อม แต่จริงๆ แล้ว ถึงไม่ไปทำงาน ไม่ออกไปข้างนอก จิตก็เสื่อม เพราะโดยธรรมชาติ จิตเจริญแล้วเสื่อม กว่าจะเรียนรู้ว่าจิตเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน ไม่ได้เป็นไปตามเราอยาก เราฝึกกันนาน กว่าจะช่างมันว่าจิตมันจะดีก็ดี จิตมันจะเสื่อมก็เรื่องของมัน ใจถึงจะเป็นกลาง ใจไม่ดิ้นรน" --พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์ส ก.ล.ต. ๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Tue, 24 March 2020
"ให้จับความรู้สึกไว้ เพื่อจิตมันจับอารมณ์ ยึดอารมณ์น้อยที่สุด ยังเป็นสมถะอยู่ ไม่ถึงขึ้นปัญญา แต่เพื่อพัฒนาให้จิตมันลงฐานและใกล้กลาง สุดท้าย มันทิ้งตรงนี้ มันรู้สึกที่เป็นกลาง มันจะง่ายคือ ภาระที่มันจะเพ่งหรืออะไร มันน้อยที่สุด จิตจับ รู้สึกๆ สักพักหนึ่ง นี่เป็นแค่เหตุ ยังไม่ใช่ผล สุดท้าย ความรู้สึกที่เป็นผล ที่ไม่ได้จงใจ มันจะเกิด มันจะชัดมาที่จิต แล้วกำลังทั้งหลาย มันจะทำให้จิตเป็นตัวรู้ที่ชัดขึ้นมา แล้วพอชัด รูปนามกายใจ มันก็ค่อยๆ แสดงตัวที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา แล้วก็พัฒนาไปเรื่อยๆ แล้วปัญญา ก็ค่อยๆ ออกมา" --ทันตแพทย์ณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สเนยยะ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Mon, 23 March 2020
"ตัวที่เราต้องใส่ใจดูให้เยอะๆ คือ ดูรูป ดูร่างกาย กับดูทางจิตใจ ดูเวทนา ดูความสุข ความทุกข์ ความเฉยๆ แล้วก็ดูสังขาร ความปรุงแต่ง ปรุงสุข ปรุงทุกข์ ปรุงดี ปรุงชั่ว หรือว่า โลภ โกรธ หลง อย่างนี้ หัดดูไปเรื่อยๆ ถ้าเราดูไปเรื่อยๆ พื้นฐานสติเราดี มันจะได้สมาธิที่ถูกต้องขึ้นมา แล้วมันจะค่อยๆ ล้างความเห็นผิดเอง อย่างเวลา มันมีจิตผู้รู้เกิดขึ้นมาแล้ว ถ้าย้อนมาดูร่างกาย มันจะเห็นเลย ร่างกายนี้ ไม่ใช่ตัวเรา" --พระอาจารย์ สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สเนยยะ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Sun, 22 March 2020
"อย่าไปนึกภาพการภาวนาเป็นเรื่องประหลาด เราไปทำจิตเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ เมื่อไหร่เราไปแทรกแซงจิต ทำให้ผิดธรรมชาติ เมื่อนั้นกำลังทำอัตตกิลมถานุโยค หมายความว่า เราไปบังคับมัน แทนที่จะเห็นของจริง" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์สเรียนรู้ตัวเองขั้นพื้นฐาน บ้านสติ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Sat, 21 March 2020
"การทำรูปแบบ ๑๕นาที ๒๐นาทีแรก ส่วนใหญ่เป็นเวลาของความฟุ้งซ่าน ไม่ต้องคิดจะรีบสงบ แต่เป็นเวลาที่เราตั้งใจจะเรียนรู้มัน เอาความฟุ้งซ่านเป็นครู ดูความฟุ้งซ่านไป มันจะทนสติปัญญาได้แค่ไหน ฟุ้งซ่านก็เป็นไตรลักษณ์" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สเรียนรู้ตัวเองขั้นพื้นฐาน บ้านสติ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Fri, 20 March 2020
"เป้าหมายหลักของศาสนาพุทธ คือเพื่อความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง การที่ไม่พ้นทุกข์ เกิดจากการที่ไม่รู้ความจริงของกายใจ ทำให้ยังคงให้ยึดถือในกายในใจ ตราบใดที่ยังยึดถืออยู่ ตราบนั้นก็ยังไม่พ้นทุกข์ เป้าหลักคือทำอย่างไร ให้เข้าใจความจริงของกายใจอย่างถ่องแท้ นี่คือเป้าหมายหลักของวิปัสสนากรรมฐาน" --คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร คอร์สเรียนรู้ตัวเองขั้นพื้นฐาน บ้านสติ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
Thu, 19 March 2020
"ภาวนาไม่คาดหวังอะไรแต่ทำไปเรื่อยๆ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ช่างมัน แต่ทำไปเรื่อยๆ ไม่ปล่อย เรามีหน้าที่ทำเหตุ ผลจะเป็นอย่างไร เรื่องของมัน ทำถวายบูชาพระพุทธเจ้า ทำถวายครูบาอาจารย์ไป เพราะเราได้เกิดมาภาวนา ได้ระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราก็ได้บุญแล้ว มันไม่ไช่ว่าเราไปซีเรียสเพื่อเอาผลของมัน เราภาวนาไปอย่างนี้แล้วเราจะอยู่กับโลกได้สบายด้วย ทำอะไรก็สบาย" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์สเรียนรู้ตัวเองฯ บ้านสติ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Wed, 18 March 2020
"คำว่า ปฏิบัติ คือการรู้อยู่เฉพาะหน้า มีสภาวะอะไรเกิดขึ้นแล้วรู้ รู้อะไร รู้ที่กายที่ใจตนเอง เพราะงั้นต้องฟังให้เข้าใจหลัก เข้าใจแล้วถึงค่อยลงมือปฏิบัติ ปฏิบัติแล้ว ปฏิบัติอีก ทดลองแล้ว ทดลองอีก สังเกตไหมอัจฉริยะที่ค้นพบอะไรทั้งหลาย ผิดร้อยครั้ง ถูกครั้งเดียว การปฏิบัติธรรมก็แบบเดียวกัน เพราะเส้นทางนี้เราไม่เคยเรียนรู้มาก่อน เป็นไปได้ไง ปฏิบัติปั๊บ ใช่เลย เพราะงั้นสิ่งที่เราได้เรียนรู้สิ่งที่ผิดๆ บ่อยๆ นั่นแหละเป็นครูสอนเรา แล้วเมื่อไหร่ที่รู้ตรงนี้ผิดแล้ว ตรงนั้นมันเริ่มถูก เมื่อมันถูกมากขึ้น มันก็จะเข้าใจมากขึ้น เราไม่ได้มีหน้าที่ทำอะไรมากกว่า การที่ทำให้จิตมีความเข้าใจ เข้าใจตัวเอง เข้าใจว่า กายนี้ใจนี้ ความจริงมันคืออะไร" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สเรียนรู้ตัวเองในขั้นพื้นฐาน บ้านสติ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Tue, 17 March 2020
"สติ มี 2 แบบ สติธรรมดา กับสติที่เกิดจากการระลึก มีความรู้สึกตัวเป็นองค์ประกอบ ต่างจากสติ ที่เราเข้าใจทั่วไป สติทั่วไปต้องใช้การเพ่งจ้อง จะไปรู้สิ่งที่อยาก ไปเพ่งดู แต่มันลืมกาย ลืมใจ อันนั้นมันก็มีประโยชน์ ทำงานต้องใช้อย่างนั้น ทำงานเราก็ต้องใช้ รู้สิ่งที่เราไปสนใจ ตอนรู้สิ่งที่สนใจ สติแบบที่ 2 ไม่มี ถ้ามีสติแบบที่ 2 สติแบบที่ 1 ก็ไม่มี มันจะสลับกัน ถ้าจะเอามาเดินวิธีการของการภาวนา ต้องใช้สติแบบที่ 2 สติแบบที่1ใช้ไม่ได้มันไม่ใช่ของจริง เพราะมันไม่ย้อน เข้ามาดูกาย ดูใจ" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สจิตเกษม ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Mon, 16 March 2020
"เรามีสมาธิในการเพ่งดู เพ่งจ้อง อันนี้เรียกว่ามีสติทั่วไป ไม่ใช่สติที่เป็นความรู้สึก สติที่เป็นความรู้สึก มันมีสมาธิอยู่ในนั้น มันจะไม่เคลื่อน จะระลึกรู้ รู้ชัดในร่างกายจิตใจ ทำขึ้นไม่ได้ แต่หัดมันได้ หัดแล้วจะเกิด" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สจิตเกษม ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Sun, 8 March 2020
"ถ้าจะบริกรรมไปเดินไป แสดงว่ากรรมฐานหลักคือคำบริกรรม เดินไปไม่ได้สนใจร่างกาย สนใจคำบริกรรม บริกรรมแล้วย้อนมาดูใจ เพ่งให้เห็น เผลอให้เห็น เพราะร่างกายไม่ใช่ตัวกรรมฐานหลัก ชอบคำบริกรรม พอบริกรรมไป ก็ต้องย้อนมาดูใจ ต้องไปจับ principle ให้มันถูก จะได้เห็นจิต ไม่งั้นไม่เห็น" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ บ้านจิตสบาย ๙ พฤศจิกายน |
Sat, 7 March 2020
"สติที่ต้องพัฒนา คือสติที่มีความรู้สึกตัว มีความรู้สึกตัวเป็นองค์ประกอบ จิตจะมีสมาธิในนั้น ตั้งมั่นขึ้นมา รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง แต่เรื่องที่พูดอาจจะไม่รู้เรื่อง มันจะมารู้แค่กายใจอย่างเดียว รู้แล้วความจริงจะปรากฎ เห็นกายเห็นใจตามความเป็นจริง รูปนามกายใจจะแยกออก เมื่อแยกมันจะแสดงความเป็นไตรลักษณ์ให้เราดู ขณะนั้นความคิดมันจะไม่มี มันจะมีสภาวะที่รู้ซื่อๆ รู้สึกตัวล้วนๆ" --คุณหมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ บ้านจิตสบาย ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Fri, 6 March 2020
"เวลาที่เดินจงกรมต้องสบาย ถ้าเดินแล้วบังคับ จะไม่มีความสุขในการเดิน มันก็จะไม่มีความยินดีในการภาวนา ให้ดูก่อนว่าเวลาที่เราเดินเหมาะสมไหม เราวางใจอย่างไรในการเดินจงกรม เราจะเอาความรู้สึกตัวหรือเปล่า ถ้าเราจะเดินเอารู้สึกตัวก็ต้องบังคับ พอบังคับก็ไม่มีความสุข ต่อมาดูว่าหัวจงกรมท้ายจงกรม รู้ตัวทั่วพร้อมจริงไหม ถ้ารู้ได้จริงๆ สภาวะความรู้ตื่นและเบิกบานมันมีอยู่แล้ว ถ้าเราทำถูกอย่างไรฉันทะในการภาวนาก็เกิด" --คุณมาลี ปาละวงศ์ บ้านจิตสบาย ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Thu, 5 March 2020
"วิปัสสนาเป็นผลจากสมถะที่ประกอบด้วยสมาธิที่สงบและมีความตั้งมั้น มันถึงจะไปเห็นความเป็นจริงของกายและใจได้ เช่น จิตที่ไหล ไหลไปเอง จิตที่สงบ สงบเอง จิตที่สงบ บังคับไว้ก็ไม่ได้ จิตที่ฟุ้งซ่าน ก็จะบังคับให้ไม่ฟุ้งซ่านก็ไม่ได้ ตรงนี้ถึงขึ้นวิปัสสนา เห็นไตรลักษณ์ของมัน เมื่อไรเราเห็นไตรลักษณ์ของกายของใจได้ ตรงนั้นถึงขึ้นวิปัสสนา แต่สภาวะที่เราทำสมาธิอยู่ อันนี้คือทำสมถะทั้งหมด แม้กระทั่งจิตตั้งมั่นก็เป็นสมถะ" --คุณมาลี ปาละวงศ์ บ้านจิตสบาย ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Wed, 4 March 2020
"เวลาดูจิต ก่อนรู้อย่าตั้งใจรู้หรืออย่าตั้งใจดู ถ้าเราตั้งใจดูเราจะไม่เห็นมันทำงาน เปรียบจิตเป็นครูอยู่หลังชั้น เด็กนักเรียนอยู่หน้าชั้น ไม่รู้ว่าครูอยู่ข้างหลัง เด็กจะทำงานทุกอย่างเลย แอบกินขนม เล่นเกม ลอกการบ้านเพื่อน อ่านการ์ตูน เด็กจะทำงานปกติ แต่ถ้าครูมาอยู่หน้าชั้น เด็กนักเรียนจะนิ่ง เรียบร้อยหมดเลย เราจะไม่เห็นการทำงานจริงๆของเขา เพราะฉะนั้นก่อนรู้ อย่าตั้งใจรู้ รู้แล้วอย่าถลำ รู้แล้วจิตนั้นชอบไม่ชอบ หรือเฉยๆ หรือจิตนั้นยินดียินร้าย เราดูตาม" --คุณมาลี ปาละวงศ์ บ้านจิตสบาย ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Tue, 3 March 2020
"ตัวที่จะชี้ขาดว่าเราภาวนาแล้วสำเร็จหรือไม่สำเร็จ คือสามารถเอาการภาวนามาหลอมรวมในชีวิตประจำวันได้หรือเปล่า ถ้าเราหลอมรวมไม่ได้ โอกาสได้มรรคผลยังน้อย แต่ถ้าหลอมรวมได้ โอกาสจะได้มรรคผลเยอะ" --พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สเรียนรู้ตัวเองในขั้นพื้นฐาน บ้านสติ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Mon, 2 March 2020
"ที่เราฝึกทำสัมมาสติก็ดี ทำสัมมาสมาธิก็ดี เพื่อฝึกความพร้อมของจิต ที่จะเผชิญกับปัญหาใดๆ ก็ได้ในโลกใบนี้อย่างมั่นคง ที่จะรู้ว่าสิ่งใดเกิด มันก็ดับ ปัญหามาแล้วมันก็ไปเหมือนทุกๆ เรื่อง" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สเจริญสติในภาคปฏิบัติ เชียงราย ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Sun, 1 March 2020
"โดยธรรมชาติร่างกายเวลาเราหิว เราก็กินอาหาร จิตเวลาหิว มันกินอารมณ์ เราก็มาดูอารมณ์ เดี๋ยวก็อารมณ์เสีย เดี๋ยวก็อารมณ์หงุดหงิด เดี๋ยวก็อารมณ์ดีใจ เดี๋ยวก็อารมณ์เศร้าหมอง วิธีเราดู ก็ดูจิตมันไหล จิตมันเคลื่อนไปทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ในการดูจิตมี 3 ขั้นตอน ถ้าเราดูได้ละเอียดจริงๆ เราก็จะเห็นจิตที่ไหล จิตที่เคลื่อนไปงับอารมณ์ ไปจับอารมณ์ต่างๆ" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในภาคปฏิบัติ เชียงราย ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Sat, 29 February 2020
"จิตเขาทำงานมากมาย เราคอยสังเกตเขาเนืองๆ ไม่ใช่หมายความว่าต้องจ้อง แค่สังเกตว่าเขาทำอะไรบ้าง เขาเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง สิ่งที่เราเห็นคือการทำงานของเขา วิธีฝึกจิตตั้งมั่นคือ เรารู้จิตเป็นหลัก แต่พอจิตไหลไปไหนไม่รู้ เรากลับมาดูร่างกายก็ได้ เรามีที่ตั้งที่พักของจิต คือเห็นร่างกายหายใจเข้า ร่างกายนี้หายใจออก เราเป็นคนดู เราจะมีความสุข เพราะไม่มีภาระ เรามาดูเขาเฉยๆ" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในภาคปฏิบัติ เชียงราย ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Fri, 28 February 2020
"ตรงที่เราเห็นจิตใจเคลื่อน ขยับ จิตไหลไปแล้วรู้ เคลื่อนไปแล้วรู้ ตรงนี้เรากำลังปฏิบัติธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในภาคปฏิบัติ เชียงราย ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Thu, 27 February 2020
"เราเชื่อว่าคำสอนของพระพุทธเจ้ามีจริง เราศรัทธา เราเชื่อว่าเส้นทางที่พระพุทธเจ้าได้ประทานไว้ให้เราเดิน เราเดินแล้ว เราพ้นทุกข์จริง เมื่อเราศรัทธา เราลงมือปฏิบัติ แล้วเราเห็นผลแล้ว ในระดับ1 ไปเรื่อยๆ จนถึง 100 ในวันนึง เมื่อเราเข้าใจในระดับนึง มีความรู้ในระดับนึงแล้ว สิ่งนึงที่เป็นหน้าที่เลยของเราชาวพุทธคือ รู้แล้ว ต้องบอกต่อ" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในภาคปฏิบัติ เชียงราย ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Wed, 26 February 2020
"ในทุกๆ วันที่เรานั่ง มันจะเป็นการเอาจิตไปพักบ้าง ซึ่งเราเรียกว่าสมถะ หรือเราเรียกว่าอารัมณูปนิฌาน แต่วันไหนพักพอแล้วต้องให้จิตขึ้นมาทำงาน ตรงสภาวะตรงนี้เราเรียกว่าลักขนูปณิฌาน มันเป็นสมถะอยู่นะยังไม่ได้ขึ้นวิปัสสนา แต่มันเป็นสมาธิที่ประกอบด้วยความตั้งมั่น เมื่อความตั้งมั่นเกิดขึ้น สมาธิลักษณะแบบนี้เราถึงเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง" --คุณมาลี ปาละวงศ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Tue, 25 February 2020
"ไม่ว่าอารมณ์อยู่ในสมาธิขนาดไหนก็ตาม หรืออยู่ในชีวิตประจำวัน ถ้าเราไม่มีจิตเป็นผู้รู้ ผู้ดู เราจะต่อยอดขั้นเจริญปัญญาไม่ได้" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน กลุ่มจิตหนึ่ง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Mon, 24 February 2020
"การเห็นสภาวะคือ พาจิตไปเห็นของจริงที่แสดงอยู่ในกายในใจ คือสภาวะที่มันปรากฎอยู่ในกายในใจ นั่นแหละถึงจะเกิดสติจริง รู้เนื้อรู้ตัวจริง อันนี้ต้องฝึก เพราะที่ผ่านมา เราคือฝึกให้มันออกไปข้างนอก หลงอยู่ตลอดเวลา คือปล่อยให้เค้าไป นั่นไม่ต้องฝึก มันไปอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นช่วงแรกจะต้องฝึกในการที่จะใส่ใจที่จะมาเรียนรู้ ใส่ใจย้อนกลับมาดูตัวเองบ่อยๆ สิ่งที่เรามาฝึกตรงนี้เพื่อตัวเองจริงๆ ไม่ได้เพื่อใครเลย ไม่มีใครได้ประโยชน์ ฝึกแล้วเห็นได้ด้วยตัวเอง เข้าใจได้ด้วยตัวเอง ใจมันเข้าใจ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติต้องเด็ดเดี่ยว ต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง ถ้าต้องการที่จะไปเส้นทางเพื่อความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง พระพุทธศาสนาท่านสอนอย่างนี้" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน กลุ่มจิตหนึ่ง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Wed, 19 February 2020
"ทำงานทุกวัน ถ้ามีปัญหาต้องแก้ไขใช่ไหม อันนี้แก้ไขไม่ได้ ถ้าแก้ไข ผิดเลย! เป็นกฎธรรมชาติของมัน แบบนั้น เป็นเรื่องของพลังงาน ต้องรู้ตามความเป็นจริง ให้มันเลิกทำเอง เห็นความเคยชิน ว่ามันทำแบบนี้ สุดท้ายพอเลิก พวกพลังงานที่เหลือ มันก็ค่อยๆ เสื่อมไปตามธรรมชาติ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป พลังงานก็ค่อยๆ หมดไป เติมพลังงานใหม่ที่ดีเข้าไป เท่านั้นเอง" --คุณหมอณัฎฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน กลุ่มจิตหนึ่ง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Tue, 18 February 2020
"อย่าไปแยกว่าอันนี้เดินธรรมดา อันนี้เดินปฏิบัติ อย่างนี้จะเครียด ต้องให้เป็นอันเดียวกันไปเลย เดินไปห้องน้ำก็เดินจงกรม เดินไปทำงานก็เดินจงกรม ถ้าเราไปแยกว่าเดินจงกรม นี่คือเดินพิเศษ อันนี้เสร็จเลยจะเครียด เพราะพิเศษปุ๊บก็จะควบคุมใจทันทีเลย จะแน่น ฉะนั้นทำใจสบายๆ ไม่เครียด" --คุณหมอณัฎฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน กลุ่มจิตหนึ่ง ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Mon, 17 February 2020
"ความก้าวหน้ามันไม่ได้อยู่ที่ว่า เราภาวนาแล้ว จะเห็นสภาวะมากขนาดไหน ความก้าวหน้าของเราคือ ไม่ว่ากิเลสอะไรเกิดขึ้นมาเรารู้ทัน เราเป็นกลางกับมันหรือไม่ ถ้าเราเป็นกลาง จิตเราจะเดินต่อได้ เดินต่อในที่นี้หมายความว่า เห็นว่า มันก็เท่านั้น เข้ามาก็เท่านั้น เวทนาง่วงก็เท่านั้น เดินแล้วรู้สึกไม่ได้อะไรก็เท่านั้น เราไม่ได้ทำเพื่อจะเอาอะไร เราทำเพื่อเรียนรู้กิเลสตัวเอง เรียนรู้กายรู้ใจตัวเอง" --คุณณพัทธ์พล คุณาธนะเศรษฐ์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน กลุ่มจิตหนึ่ง ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Sun, 16 February 2020
"ในเส้นทางนี้ เราต้องเลือก ถ้าเราสามารถเลือกเดินทางกับผู้ที่มีศีลสูงกว่า แต่ถ้าไม่มีศีลสูงกว่า ก็ต้องศีลเสมอกัน ถ้าศีลอ่อนกว่า เดินคนเดียวดีกว่า เพราะไม่เช่นนั้น เราจะถูกกิเลสลากไป ปกติโดยทั่วไปจะรวมกันด้วยธาตุ คนที่ชอบกินเหล้าจะมีวงเหล้า พวกที่ชอบเล่นไพ่ก็จะกลุ่มเล่นไพ่ พวกช็อปปิ้งก็จะไปกลุ่มช็อปปิ้ง พวกชอบเม้าท์ ชอบนินทาคนก็มีกลุ่ม เราไม่ได้เลือกพวกนี้ เราต้องตั้งใจว่ารักษาศีล คนที่รักษาศีล เราก็คบกับเค้า คบในที่นี้ หมายถึง เดินไปด้วยกัน เตือนกัน เกื้อกูลกันในการภาวนา" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน กลุ่มจิตหนึ่ง ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Sat, 15 February 2020
"การทำในรูปแบบจำเป็นกับพวกเราทุกคน จำเป็นไปจนกระทั่งถึงเราภาวนาจนจบกิจได้ หลวงตาท่านพระอาจารย์มหาบัว ท่านบอกเองว่า ท่านพุทโธตั้งแต่ต้นจนจบเลย คือท่านมีเครื่องอยู่ของท่านไปเรื่อยๆ เครื่องอยู่ของเราฝึกไป" --คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน กลุ่มจิตหนึ่ง ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Fri, 14 February 2020
"ถ้าเดินเส้นทางถูก ฝึกสติให้ดี ฝึกใจให้มีสัมมาสมาธิ ฝึกเดินปัญญา ถ้าฝึกถูก วัฏฏะเราสั้นลงแน่นอน" --พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ คอร์สเจริญสติในชีวิตประจำวัน กลุ่มจิตหนึ่ง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Thu, 13 February 2020
"นักภาวนาเราต้องรู้ว่าทำอะไร ได้อะไร ต้องมีแนวรับแนวรุกของเรา แต่ละวันเราสู้กับกิเลส เพราะทุกวันกิเลสพร้อมจะให้เราเลิกปฏิบัติ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จต้องเดินจงกรม กิเลสก็มาชวนคิดว่าเหนื่อยจะแย่ ไม่เดินจงกรมดีกว่า กิเลสจะช่วยเราคิด เรามีหน้าที่ฟังมันคิด แล้วเราก็เดินเข้าหัวจงกรม กิเลสรู้แล้วว่าหลอกเราไม่ได้ เราเดินจงกรมอยู่ดีๆ กิเลสก็ช่วยคิดต่อว่าเดินอย่าเยอะนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ทัน ต้องประชุมเช้า มันก็จะมาพูดกับเราตลอดเวลา เราก็ดูตามหน้างาน ขั้นต่ำคือ 15 นาที ตรงนี้ต้องมีวินัย เรามีวินัย เรามีสัจจะกับตัวเอง เราจะมีอธิฐานบารมี จิตใจเราจะเข้มแข็งขึ้น" --คุณมาลี ปาละวงศ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Wed, 12 February 2020
"เวลาที่เรามีความทุกข์ ความไม่สบายใจ ให้แยกความรู้สึกนั้น ให้เป็นสิ่งที่ถูกรู้ไป กายก็ส่วนนึง ความรู้สึกไม่สบายใจ อยู่ในกลางอก ให้ดูความไม่สบายใจนั่น ถูกรู้ไป ตัวนี้ไม่ใช่จิต จิตเป็นแค่สภาวะที่รู้เท่านั้น ถ้าเห็นความไม่สบายใจถูกรู้ไป จะเห็นความไม่สบายใจค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เห็นความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องแก้ไขให้จิตดี สภาวะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันแสดงไตรลักษณ์ด้วยตัวของมันเอง เราแยกขันธุ์เพื่ออะไร เพื่อให้เห็นว่า แต่ละตัวเป็นคนละอย่างกัน แต่ละดัว เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" --คุณแม่ชีอรนุช คอร์สเรียนรู้ตัวเองในภาคปฏิบัติ บ้านสติ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Tue, 11 February 2020
"ถ้าเราฝึกสติรู้กายรู้ใจไปเรื่อยๆ ในชีวิตจริงๆ กำลังของศีล สมาธิ ปัญญาจะค่อยๆ เพิ่มเอง เราจะรู้สึกได้เอง อย่างเวลาโกรธ ก็ดูไปตรงๆ เลย อย่าไปคิดแก้ บางคนคิดว่าโกรธรุนแรงดูไม่ไหว ถามว่าขอใช้บริกรรมก่อนได้ไหม? ใช้ได้ แต่มันแก้อาการ ถึงเวลากิเลสไม่ได้ละนี่ เดี๋ยวมันก็โกรธขึ้นมาใหม่ แล้วถามว่าเจริญเมตตาได้ไหม? มันก็ใช้ได้ แต่ว่ามันเป็นสมถะ มันไม่ได้เป็นวิปัสสนา คือถ้าเราหัดดูไปเลย กิเลสมันจะแรงแค่ไหน เราดูไปเรื่อยๆ ต่อไปสติมันจำสภาวะของกิเลสพวกนี้ได้ เวลามันเกิดขึ้นมา สติระลึกรู้แล้วกิเลสนั้นก็ดับไป อย่างนี้แสดงว่าสติ สมาธิ ปัญญาดี เพราะว่าเราเป็นคนรู้คนดูจริงๆ เห็นสภาวะถึงขั้นนี้ที่เรียกว่าสักว่ารู้ว่าดูจริงๆ มันไม่ใช่ว่ายังต้องชักชวนให้มันดูอยู่" --พระอาจารย์สมชาย คอร์สเรียนรู้ตัวเองในภาคปฏิบัติ บ้านสติ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Mon, 3 February 2020
"จิตสิกขา คือเรียนรู้เรื่องจิต รู้เรื่องจิตจนกระทั่งเข้าใจว่า จิตที่เข้าไปดูหน้าตาเป็นยังไงด้วย วางใจแค่นี้ ไม่เพ่ง ให้มันสักแต่ว่าดูให้เป็น ให้มันยอมดูได้ แค่นั้น มากกว่านี้ให้เป็นส่วนเกินให้หมด ให้มันอยู่แต่กับ สักแต่ว่ารู้ อีกหน่อย มันก็อยู่กับรู้สึกไป ต้องอาศัย รู้สึกไปเรื่อยๆ มันก็มีแค่นี้ ทำแค่นี้แหละ ให้มันคุ้น" --คุณหมอณัฏฐ์ คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Sun, 2 February 2020
"การทำวิปัสสนาโดยการใช้เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นอารมณ์ของวิปัสสนาของสมถยานิก ผู้มีปัญญากล้า ผ่านกายมาแล้วเข้าสู่เวทนา ต้องใช้กำลังฌานหนุน ถึงจะคิดพิจารณาได้เห็นว่าเป็นไตรลักษณ์ เวทนาไม่ใช่เรา เพื่อให้เห็นขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา พิจารณาพอขาดปุ๊ป จิตก็แยกออกมาเป็นจิตผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ขึ้นมา เวทนาก็ขาดออก ขันธ์ก็แตก แล้วมันก็ซาบซึ้ง โอ้! เวทนาไม่ใช่เราจริง มันก็ทิ้ง คือ ถ่ายถอนความเห็นผิดนั่นแหละ ถ้ากำลังไม่พอ ดูไม่ไหว" --คุณหมอณัฏฐ์ คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Sat, 1 February 2020
"สติที่ถูก สมาธิที่ถูก เป็นเรื่องจำเป็น ใช้เป็นกำลัง ถ้าไม่มีสัมมาสติ สัมมาสมาธิ มันทำไม่ไหว ต้องเกิดสติที่ถูก มีกำลัง ถึงจะเกิดสมาธิขึ้นมา ไม่ต้องเยอะแต่ให้มีหล่อเลี้ยงไว้ทุกวัน ให้เกิดความเคยชิน" --คุณหมอณัฏฐ์ คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Fri, 31 January 2020
"เวลารู้สึกลมหายใจโดยไม่เพ่ง ลมหายใจเข้าออกจะไม่อึดอัด ไม่ได้บังคับลม ลมจะไหลเข้าไหลออกปลอดโปร่ง เพราะว่าจิตลืมที่จะยุ่งกับลม แต่มองความรู้สึกอยู่ ลมก็เลยเข้าออกธรรมชาติ ไม่ไปเจ้ากี้เจ้าการกับลม อย่างนี้จะทำให้รู้สบายๆ" --คุณหมอณัฏฐ์ คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Thu, 30 January 2020
"อย่าพยายามรู้ตัว ให้หัดรู้สึกเท่าที่รู้ได้ ถ้าพยายามรู้ตัว มันจะอยากรู้ตลอดเวลา มันจะเพ่ง มันเกินธรรมชาติ สุดท้ายจะได้เพ่งแถมมา ธรรมชาติเมื่อมีความรู้สึก กระแสของจิตจะหดเข้ามา มันจะเข้ามาเอง จะกลับเข้ามาหาบ้าน เข้ามาหากายและใจ คอยสร้างความรู้สึก ให้มีกรรมฐานให้จิตอยู่ ต้องหางานให้จิตทำ รู้กายบ้าง รู้ใจบ้าง ให้จิตจำสภาวะรู้สึกให้ได้ ใหม่ๆ จิตยังจำไม่ได้ ต้องรู้สึกตัวบ่อยๆ แล้วก็สะสม พอจิตจำสภาวะได้ เกิดสติอัตโนมัติขึ้น" --คุณหมอณัฏฐ์ คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Wed, 29 January 2020
"การฝึกรู้สึกจากการดูร่างกายขยับเข้าขยับออก นี่คือรูปเคลื่อนไหวและหยุดนิ่ง อย่างเวลาเราหายใจเข้า เห็นซี่โครงบานออกคือไหวแล้วก็หยุด ไม่ต้องรู้ว่าอะไรไหว แค่มีรูปหนึ่งที่เคลื่อนไหวแล้วก็หยุดแค่นี้เอง ใช้ความรู้สึก จับอาการ จับลักษณะ สนใจแค่ว่ามีสิ่งหนึ่งเคลื่อนไหวแล้วก็หยุด เหมือนการดูท้องพองยุบ ไม่ได้สนใจท้อง รู้แค่อาการลักษณะเคลื่อนไหวแล้วก็หยุด รู้รูปเคลื่อนไหวแล้วหยุด ไม่ได้อยู่ที่ท้องแต่อยู่ที่ใจ ใจเป็นคนรู้สึก เป็นอาการปรมัติรับรู้ด้วยความรู้สึก อย่างนี้คือฝึกรู้สึก ใช้หลักการณ์เดียวกันหมด" --คุณหมอณัฏฐ์ คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Tue, 28 January 2020
"ถ้าสติเกิดเต็มที่ จิตจะมีสมาธิเกิดขึ้น ฟังเพลงก็ไม่รู้เรื่อง ฟังเพลงก็ไม่ได้แปลความหมาย เห็นแต่ความเป็นจริงของรูป นาม กาย ใจ สติอันนั้นประกอบด้วยความรู้สึก เป็นความรู้สึกตัว ในความรู้สึกตัวมีสมาธิเรียบร้อย เพราะฉะนั้นจะไม่รู้สึกถึงตัว คำว่าถึงตัวนี้ คือ ถึงจิต อันนี้เกิดสมาธิเรียบร้อยแล้ว" --คุณหมอณัฏฐ์ คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Mon, 27 January 2020
"จิตที่ไหลไป เกิดแล้วก็ดับ จิตที่เป็นคนรู้คนดู เกิดแล้วก็ดับ ถ้าเรียนรู้ไปบ่อยๆ จะค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ สะสมปัญญา เห็นเองว่า จิตเกิดแล้วก็ดับ จิตไม่ใช่ตัวเรา จิตไม่ใช่ตัวเรา บังคับก็ไม่ได้ เราฝึกไปแบบนี้ ฝึกไปบ่อยๆ จะเห็นเลยว่า จิตที่เกิด ดับ บังคับไม่ได้ จะเป็นตัวเราได้ยังไง" --พระอาจารย์สมชาย คอร์สการเจริญสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน กฟผ. ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ |
Sun, 26 January 2020
"ธรรมะสุดท้ายที่จะต้องใช้คือ อดทน อดทนที่จะไม่ตามใจกิเลส อดทนที่จะแสวงหาธรรมะ มันไม่มีอะไรแน่นอนเลย เราไม่รู้นะ ว่าเราจะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าอีกสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่มีโอกาสได้ฟังธรรมก็มาฟังเถอะ แล้วเวลาที่เรามา มาเจอกับคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน ใจมันจะมีกำลัง มีความฮึกเหิม ที่จะมุ่งมั่นที่จะพ้นออกจากโลก แล้วมันรู้สึกว่า มันมีสติได้ง่าย ถ้าเราจมอยู่กับโลก อยู่ข้างนอก ซักพักหนึ่งเราก็โดนโลกดูดไป อินทรีย์เราไม่แกร่ง เข้มแข็งพอ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีทางไหนที่จะช่วยให้มันกระตุ้นบ้าง อย่าไปยอมมัน ไม่ฉะนั้นเราก็โดนโลกดูดไป ไหลตามน้ำไป สุดท้ายก็เราก็ฮึดขึ้นมาไม่ไหว ถึงตอนนั้นก็ยอม ก็จมไปเรื่อยๆ ต้องเข้มแข็งด้วย เส้นทางนี้ต้องเข้มแข็งมาก ต้องเด็ดเดี่ยว" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ คอร์สเรียนรู้ตัวเองฯ บ้านสติ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Sat, 25 January 2020
คุณนิติยา - "วางใจผิดกรรมฐานใดใดก็ผิด" คอร์สเรียนรู้ตัวเองในภาคปฏิบัติ บ้านสติ 15 ต.ค. 62 (nit621015)
"เครื่องอยู่ของจิตควรเป็นเครื่องอยู่ที่เราสามารถอยู่กับมันได้ทั้งวัน เพื่อที่จะไม่ให้มันหลงนาน เราจะได้มีสติเนืองๆ ไม่ใช่ว่าแค่ช่วงเวลาที่เราตั้งใจจะปฏิบัติในรูปแบบครึ่งชั่วโมง แล้วเราอยู่กับเครื่องอยู่แค่ครึ่งชั่วโมง เวลาที่เหลือ 23 ชั่วโมงกว่าหลงตลอด เครื่องอยู่ที่ว่าควรเป็นเครื่องอยู่ที่เราใช้เจริญสติในชีวิตประจำวันได้ เพราะทุกครั้งที่ลืมเครื่องอยู่ก็จะได้เกิดสติบ่อยๆ" --คุณนิติยา เพ็ชรไพบูลย์ "วางใจผิดกรรมฐานใดใดก็ผิด" คอร์สเรียนรู้ตัวเองในภาคปฏิบัติ บ้านสติ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ |
Fri, 24 January 2020
"เวลาที่เรานั่งทำสมาธิหรือเดินจงกรม อย่าเพิ่งรู้กรรมฐานที่เราทำ เช่น เราดูร่างกายหายใจ อย่าเพิ่งเริ่ม ใช้คำว่ารู้ตัวทั่วพร้อมก่อน นั่งให้สบาย รู้ตัวก่อนว่าตัว(ร่างกาย)นี้นั่งอยู่ ทำสบายๆ รู้เล่นๆ เราทำเล่นๆ แต่เราได้ของจริงนะ เพราะเมื่อไหร่เราทำเล่นๆ เรามีความสุข เพราะความสุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ เราทำเหตุของสมาธิคือความสุข เมื่อเรานั่งแล้วเรารู้ตัวทั่วพร้อม เราโน้มน้อมถึงความสุข จากนั้นหายใจออกไปนิดหนึ่งก่อน แล้วก็เห็นร่างกายนี้หายใจเข้า ร่างกายนี้หายใจออก เราเป็นคนรู้มีจิตที่ไปดู การทำสมาธิแบบนี้ไม่จำเป็นต้องหลับตา ให้เปิดตา" --คุณมาลี ปาละวงศ์ ค่ายหมอน้องใหม่ใส่ใจธรรมะ ม.แม่ฟ้าหลวง ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Thu, 23 January 2020
"คนในโลกใบนี้แก้ทุกข์ด้วยวิธีต่างๆ โดยไม่ได้กลับมาเรียนรู้ทุกข์(ในกายในใจเรา)เลย เพราะลืมกายลืมใจทั้งวัน ในเมื่อเราลืมกายลืมใจ เราจะแยกรูปแยกนามไม่ได้ เราจะไม่มีโอกาสเรียนรู้ความจริงเลยว่า ตัวเราจริงๆมีหรือเปล่า จนกว่าเราจะเข้ามาดูมัน แต่เราต้องดูด้วยหลักการที่พระพุทธเจ้าสอนเรา คือมีสติจากนั้นทำสมาธิที่ประกอบด้วยความตั้งมั่น" --คุณมาลี ปาละวงศ์ ค่ายหมอน้องใหม่ใส่ใจธรรมะ ม.แม่ฟ้าหลวง ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Wed, 22 January 2020
"สติเกิดเองไม่ได้ บังคับให้เกิดก็ไม่ได้ แต่เรามีหน้าที่ฝึกมัน วิธีฝึกอันดับแรก คือคอยรู้กายรู้ใจบ่อยๆ ศัตรูที่ทำให้เรารู้กายรู้ใจไม่ได้คือเผลอไป เราจะเผลอไปบ่อยๆทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ คือหกช่องทางที่ทำให้เราขาดสติ ทำให้เราลืมรู้ทันความรู้สึกตัวเรา" --คุณมาลี ปาละวงศ์ ค่ายหมอน้องใหม่ใส่ใจธรรมะ ม.แม่ฟ้าหลวง ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Tue, 21 January 2020
"คำว่าสติง่ายไหม แค่เรากลับมารู้กาย กลับมารู้ใจเราได้ นี่คือเครื่องมืออันแรกในพุทธศาสนาที่จำเป็นต้องมี หลวงปู่หลวงตาเราสอนไว้ สติจำเป็นทุกที่สถานในกาลทุกเมื่อ จิตทุกดวงที่เป็นกุศลต้องประกอบสติ ถ้าเมื่อไหร่จิตดวงนั้นไม่มีสติ จิตดวงนั้นเป็นอกุศลแล้ว เช่น เมื่อสักครู่เพื่อนอยู่ข้างหลัง พวกเราเป็นห่วงเค้า ส่งทุกกำลังใจไปดู ใจที่ไหลไปตอนนั้นเราขาดสติเรียบร้อยแล้ว" --คุณมาลี ปาละวงศ์ ค่ายหมอน้องใหม่ใส่ใจธรรมะ ม.แม่ฟ้าหลวง ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Mon, 20 January 2020
"ในสมาธิทั้งหมดมี 3 ตัว คือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และ อัปปนาสมาธิ ในอุปจารสมาธิ กับ อัปปนาสมาธิ เป็นเรื่องของท่านที่ทำสมถะด้วยการทำฌาน ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่เป็นจริตชอบคิด เราใช้ความคิดอยู่กับโลก ใช้ความคิดในการทำมาหากิน โอกาสที่ทำสมาธิ 2 ตัวนี้ต้องเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าไม่ทิ้งพวกเราซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะครั้งพุทธกาลก็ดี หรือ ครั้งปัจจุบันก็ดี ท่านถึงมีขณิกสมาธิ สมาธิตัวนี้แหละที่เราฝึกกัน ไม่ว่าจะไหลไปที่ ตา หู กาย ความคิด ทุกครั้งที่ไหลไป เรารู้สึกตัวขึ้นมาหนึ่งครั้ง จิตตั้งมั่นหนึ่งครั้ง อันนั้นคือสมาธิที่เราเรียกว่า ขณิกสมาธิ คือ สมาธิที่ทีละขณะ ทีละขณะ" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Sun, 19 January 2020
"เส้นทางนี้สำหรับคนกล้าและเข้มแข็งที่จะเดินไป ล้มแล้วต้องลุก คลุกฝุ่นก็ต้องคลาน แล้วไม่มีเวลาเหลือให้พวกเราแล้ว ทุกคนใช้เวลาแลกชีวิตของเราสั้นไปทุกวันๆ โลงศพไม่ได้ใส่คนแก่ โลงศพใส่คนตาย ตายเมื่อไรไม่รู้ แต่ถ้าเราเห็นการเกิดดับๆ ตลอดเวลา เราจะเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ ว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติ" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Sat, 18 January 2020
"ในสมาธิ บางครั้งจิตจะไหลไปที่กาย เช่น เราดูร่างกายนี้หายใจเข้า ร่างกายนี้หายใจออก จิตก็จะมาอยู่ตรงนี้ ให้รู้ทัน ส่วนใหญ่เราจะมาติดอยู่ตรงนี้ พอเราไม่รู้ทัน ว่าจิตมันถลำไปที่กายแล้ว ต่อไปสภาวะมันจะเริ่มนิ่ง ถ้าเรารู้ทันปุ๊บ จิตจะไม่นิ่ง เราเห็นเลยว่าจิตมันไหลมาที่กาย เรารู้ทันว่า อ้อ ไหลมาที่กาย สักพักจิตไหลไปคิด เรารู้ว่าไหลไปคิด จิตก็จะขึ้นวิถีการทำงานของเค้า ตามที่เค้าเป็น ในขณะที่นั่งสมาธิ เราไม่ขาดสติเลย เรารู้ทันจิตใจที่มันเปลี่ยนแปลงไป มันเปลี่ยนแปลงไปตรงไหนก็ได้" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Fri, 17 January 2020
"จิตเข้าใจ ไม่ใช่สมองเราเข้าใจ เพราะฉะนั้นถ้าเราเอาสมองเรียบเรียงมันจะไม่เข้าใจหรอก เพราะแทนที่เราจะรู้สภาวะตรงๆ ที่เราเห็น เราก็ไปอยู่ในความคิดที่เราพยายามจะเรียบเรียงว่ายังไงๆ มันพลาดจากสภาวะที่เราเห็นตรงหน้าแล้ว" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Thu, 16 January 2020
"ถ้าเราคอยขยันรู้ ขยันดู เราจะรู้ทันความอยากนั้น เราไม่ได้แก้ เรารู้ตรงๆ คือรู้ถูกต้องตามความเป็นจริง จิตขณะที่เรารู้ตัวนั่นแหละ เรามีสติเรียบร้อยแล้ว" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Wed, 15 January 2020
"ถ้าเรามีสภาวะอะไรที่บ่อยๆ เราดูตัวนั้น มันจะทำให้เราดูจิตง่ายขึ้น ดูสภาวะได้ดีขึ้น ไม่ใช่ว่าเรามีตัวนี้แล้วมันไม่ดี แล้วเราจะต้องแก้ ไม่ใช่นะคะ เรามีอะไรเราดูตามนั้น เพราะเราภาวนาตามทรัพยากรที่เรามี" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Tue, 14 January 2020
"จิตที่เกร็งคือมันเครียด มันมีการบังคับ จิตขณะนั้นมีโทสะ พอจิตมันมีโทะ มันเป็นอกุศล แล้วเราเริ่มนั่งสมาธิตั้งแต่จิตเป็นอกุศล มันเดินต่อไม่ไหว" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Mon, 13 January 2020
"อย่ากลัวผิด เราแค่จะมาดูว่ามันผิดตรงไหน สำคัญคือถ้าเรากลัวผิด แล้วเราไม่ยอมดูตัวผิด เราก็จะไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหน คราวนี้มันก็จะผิดเยอะขึ้น เยอะขึ้น คราวนี้มันกลับรถยากเลยล่ะ บางทีต้องล้มกรรมฐานไปเลยด้วยซ้ำไป เพราะมันแก้ไม่ได้" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Sun, 12 January 2020
"ธรรมะจะสดๆ ร้อนๆ ณ ขณะจิตปัจจุบันที่เราเป็น ถ้าเรารู้ลงปัจจุบัน เราจะไม่พลาด สิ่งที่เราพลาด คือเราละเลยปัจจุบันข้างหน้าที่มันเกิดต่อหน้าต่อตาเรา ถ้าเราคอยสังเกตเนืองๆ เราจะอยู่กับปัจจุบันเนืองๆ ได้ แต่ไม่ใช่ต้องอยู่กับปัจจุบัน" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Sat, 11 January 2020
"พอเราเห็นจิตไหว จิตเคลื่อน เราเริ่มรู้สึกได้แล้ว จิตมันเริ่มทำงานได้แล้ว จิตมันเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น สภาวะแบบนี้สมัยก่อนหลวงพ่อจะใช้คำว่า "จิตตื่น" เมื่อก่อนเวลาใครจะไปอยู่วัด ถ้าจิตไม่ตื่นท่านไม่อนุญาต เพราะเข้าไปก็ไม่รู้เรื่อง ยังรู้สึกตัวไม่เป็น การที่เราเริ่มรู้สึกตัวเป็นได้ แสดงว่าเราเริ่มมีสติ รู้กาย รู้ใจ อย่างที่เค้าเป็น แล้วมันจะค่อยๆเพิ่ม" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Fri, 10 January 2020
"เวลาภาวนาแล้วไม่สบาย ระยะยาวเราจะไม่ยินดีกับการปฏิบัติ เพราะรู้สึกว่าไม่ได้ผล ไม่ได้ผลเพราะเราไม่รู้ว่าเราทำผิด รู้แต่ว่าไม่ได้ผล แล้วก็ดิ้นรนแก้ แต่ถ้าเราเข้าใจหลักภาวนา ว่าให้รู้ตามความเป็นจริง ถ้าเรารู้ลงเป็นปัจจุบันได้ ความไม่สบายนั้นจะดับไป ให้รู้ทีละขณะๆ ไป" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Thu, 9 January 2020
"กรรมฐานถ้าเรารู้หลัก มีสติ รู้กาย ตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง ใช้อะไรก็ได้ เพราะความเป็นจริงเป็นอะไรก็ได้ ไม่รู้สึกตัวเลย พอเรารู้ว่าไม่รู้สึกตัว อันนั้นรู้เรียบร้อยแล้ว แต่สภาวะที่เราไม่รู้สึกตัวเราไม่ชอบ สภาวะที่เราเผลอไปเราไม่ชอบ สภาวะที่ฟุ้งซ่านเราไม่ชอบ เราจะเอาแต่สงบ เราจะเอาแต่นิ่งๆ เราจะเอาแต่ไม่ฟุ้งซ่าน เราก็ฟังทุกกัณฑ์ หลวงพ่อบอกไม่เอาสงบนะ แต่พอเราลงมือปฎิบัติเราไม่สนใจคำสอนเลย อันนี้เราเป็นกันทุกคน" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Wed, 8 January 2020
"สิ่งที่เรามาเรียนรู้ เราจะมาเรียนรู้ว่า เวลาเราทำกรรมฐานเราไม่ได้เอาตัวจริงๆ เรามาทำ เราแทรกแซง เรามีการจัดการกับกายกับใจเรา ที่ไม่เหมือนกับธรรมชาติที่เราเป็นอยู่ปกติ สิ่งที่เราจะมาเรียนรู้ เรียนรู้ตรงนี้ เพราะฉะนั้นทุกท่านอย่ามัวแต่จะเดินเยอะๆ ให้สังเกตจิตของเราว่าเราเหมือนเดิมไหม ให้สังเกตกายเรา เราเดินเหมือนปกติในชีวิตประจำวันไหม เพราะสิ่งที่เราจะไปเรียนรู้ คือเรียนรู้ความจริง แต่พอเราเข้าหัวจงกรม พอเรานั่งสมาธิ ตัวจริงเราหายไปแล้วเราทำอย่างที่เราคิด" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Tue, 7 January 2020
"นิ่งรู้ว่านิ่ง รู้ทันว่าจิตขณะนี้มันนิ่ง ความนิ่งนี้คือสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ความนิ่งไม่ใช่เรา เห็นไหมปิติแล้ว รู้ทันปิติเลย ปิติเกิดเองถูกไหม เดินปัญญาแบบนี้เลย นี่คือการเดินปัญญา แต่เราต้องนำร่องมันนิดนึง จิตมันไม่เคย ต้องช่วยมันนิดนึง ปิติเกิดเอง ปิติไม่ใช่เรา แล้วมันก็ดับเอง เราเห็นไตรลักษณ์เรียบร้อยแล้ว เห็นไหมมันเกิดแล้วมันดับ เราดูแบบนี้เราจะเห็นการเกิดดับ ไม่ใช่อยู่กับมันแล้วค้างอยู่อย่างนี้ มันไม่ใช่ทางที่เราจะไป เราจะเห็นสิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับ กายไม่ใช่เรา จิตนี้ไม่ใช่เรา นี่คือเส้นทางปัญญาขั้นแรก พระโสดาบันท่านเห็นแค่นี้ กิเลสยังไม่ได้ล้าง แต่เห็นความจริงจึงถอดถอนออกมาได้" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |
Mon, 6 January 2020
"งานหลักของเรา คือ การเจริญปัญญา แต่เราเจริญปัญญาไม่ได้ ถ้าเราไม่มีสมาธิที่ประกอบไปด้วยความตั้งมั่น ซึ่งความตั้งมั่นในขณะนั้นยังเป็นสมถะอยู่ แต่ไม่ใช่มุ่งสู่ความสงบ" --คุณมาลี ปาละวงศ์ คอร์สการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เชียงราย ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ |