Sat, 30 April 2016
"เจริญสติใหม่ๆ ยังไม่ต้องดูเรื่องปัญญานะ ทำยังไงให้เราดูได้ว่า วันนี้เรามีสติรึเปล่า มีความรู้สึกตัวไหม ทำไปทีละขั้นตอน หัดใหม่ๆ ก็ดูว่า วันนี้เราลืมดูไปรึเปล่า ลืมดู ก็หากระดาษมาแปะข้างฝาไว้ เขียนไว้ "เจริญสติ ดูจิต ดูจิต" แปะไว้ปลายเท้าเลย ตื่นมาจะได้เห็น ทำแบบนี้เพื่อสร้างนิสัยใหม่ นิสัยที่จะดู พอดูเป็นแล้ว ก็มาย้อนดูว่า วันนี้ความรู้สึกตัวเราเกิดบ่อยไหม" ทันตแพทย์ณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ ศูนย์ฝึกอบรมบางปะกง วันที่ 2 เมษายนย 2559 (nat590402B) |
Sat, 30 April 2016
"การรู้ คือแค่ให้รู้สึก อย่างความรู้สึกกาย ที่ว่าสภาวะอะไรเกิดให้รู้สึกลงไป ก็คือ รู้สึกลม สัมผัสที่คอ ที่จมูก ที่ท้อง คือใจแค่รู้สึก ไม่ใช่เพ่ง ที่คอ ที่อะไร มันเป็นการสัมผัสของรูป รูปคือลม กับ ร่างกาย เกิดการสัมผัสกัน ความรู้สึกเป็นธรรมชาติล้วน ๆ รู้อย่างธรรมชาติ รู้อย่างสบายๆ ไม่มีการแทรกแซงอะไรลงไป ถ้าเราให้ความสนใจแค่นี้ จะรู้ว่า เราจะวางใจแค่ไหนถึงเป็นแค่รู้สึก แต่ถ้ารู้เกินกว่านี้จะกลายเป็นเพ่ง เมื่อรู้สึกกายได้ ตรงนี้เป็นแค่รูป ส่วนนามธรรม ก็ใช้ใจแบบเดียวกัน แต่ถ้ารู้เกินกว่านี้ จะกลายเป็นเพ่ง การทำในชีวิตประจำวันก็ใช้ใจแบบนี้ คือแค่รู้สึก" ทันตแพทย์ณัฏฐ์ - ศูนย์ฝึกอบรมบางประกง วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๙ (nat590402A) |
Tue, 26 April 2016
ถ้าเราบอกว่าเราอยากให้สงบ เค้าต้องสงบเองนะ เราไม่มีหน้าที่ทำให้มันสงบ แต่เราทำเหตุของความสงบนั้น แล้วจิตจะสงบเอง แต่ถ้าคุณเริ่มตั้งแต่ทำจิตให้สงบคือบังคับละ มันก็คือไม่ใช่แม้กระทั่งสมถะละ เพราะสมถะเนี่ยมันสงบ สงบเอง และสงบแบบมีสติด้วยไม่ใช่สงบเคลิ้มๆ หรือสงบแบบเพ่งๆ เพ่งไว้ก็สงบแต่มันไม่มีสติ |
Tue, 26 April 2016
ทำวิปัสสนา กายมันเป็นยังไง จิตใจนี้มันเป็นยังไงเรารู้ รู้เพื่ออะไร เพื่อเห็นว่ากายนี้มันเปลี่ยนแปลงเราบังคับมันไม่ได้ กายมันหิวมันก็หิว มันไม่นอนมันก็ไม่นอน มันง่วงมันก็ง่วงเอง เออ...เราต้องแก้ทุกข์อย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะ แต่เดี๋ยวง่วงนอนมันก็หาย จิตใจนี้เป็นไง เดี๋ยวก็โมโห เดี๋ยวก็หงุดหงิด เดี๋ยวก็ฟุ้งซ่าน มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุกอย่างเกิดแล้วมันก็ดับ |
Tue, 26 April 2016
"ข้อเท็จจริงเวลาเราทำรูปแบบ เราไม่ได้ทำว่ามันต้องไม่ฟุ้งซ่านนะ แต่เราจะไปดูว่าจิตนี้มันฟุ้งซ่านแล้วความฟุ้งซ่านเนี่ยมันฟุ้งซ่านเอง นี้คือเดินปัญญาต่อ" |
Thu, 21 April 2016
การเห็นความเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ นั่นคือโอกาสของการให้จิตได้เรียนรู้ไตรลักษณ์ แต่ถ้าจิตไม่เปลี่ยนเลย กายไม่เปลี่ยนเลย โอกาสที่จะเจริญไตรลักษณ์ เจริญปัญญาด้วยการเห็นไตรลักษณ์ ก็จะลดน้อยลง เพราะฉะนั้น ทำยังไงก็ได้ให้เห็นไตรลักษณ์บ่อยๆ แล้วปัญญาจะเจริญได้เร็ว บรรลุธรรมเร็ว |
Thu, 21 April 2016
"อย่าไปพยายามสร้างตัวเองให้เป็นโน่น เป็นนี่เป็นนั่นให้วุ่นวาย สร้างสติขึ้นมาตัวเดียว เมื่อไหร่มีสติที่แท้จริงได้ เมื่อนั่นมีศีล ถ้ามีศีลได้ก็ไม่ทำผิดศีล เราจะไม่คิดโกงใคร แค่ทำผิดนิดเดียวเราจะรู้สึกละอายใจ เพราะสติตัวนี้ จะนำมาซึ่งคุณธรรมทุกประการทั้งปวงเลย" อาจารย์สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ค่ายเรียนรู้กายใจ จ.นครสวรรค์ วันที่ 5 มีนาคม 2559 A |
Thu, 21 April 2016
psn590310B คุณประสาน (พร้อมแปลอังกฤษ) The Right State of Mind is the Key, Methods of Meditation Is Only a Means 10 มี.ค. 59 B
|
Thu, 21 April 2016
เราต้องเข้าใจหลักการ เข้าใจหัวใจของการภาวนา เมื่อเราเข้าใจหลักการแล้ว ใครจะใช้เครื่องมืออะไร แล้วแต่ชอบ ใครชอบบริกรรม ให้บริกรรม ใครชอบร่างกายขยับ ให้รู้ร่างกายขยับ ใครชอบนั่ง นั่ง ใครชอบเดิน เดิน "เราทำกรรมฐาน เพื่อให้รู้ทันจิต" จิตไหลไปอยู่ที่เครื่องมือที่เราทำกรรมฐาน ให้รู้ทัน จิตหลงไปคิด ให้รู้ทัน เดินจงกรม แล้วใจไหลไปคิดเรื่องที่ชอบ ใจมีความสุข ให้รู้ทัน เดินจงกรม แล้วใจไหลไปคิดเรื่องที่ไม่ชอบ ใจมีความทุกข์ ให้รู้ทัน ใจไหลไปเพ่งร่างกาย ให้รู้ทัน ถ้าทำได้ เราจะได้ของสำคัญ คือ "ใจ" หัวใจของพระพุทธศาสนา จะให้ความสำคัญกับ "ใจ" มากที่สุด เพราะ กุศลล้วนเกิดที่ใจ อกุศลล้วนเกิดที่ใจ ดีชั่ว เกิดที่ใจ สุขทุกข์ เกิดที่ใจ มรรคผล เกิดที่ใจ เพราะฉะนั้น ได้ "ใจ" จะได้สิ่งที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา คุณประสาน -"ภาวนาด้วยรูปแบบใดก็ได้ สำคัญคือใจต้องถูก" คอร์สภาษาอังกฤษครั้งที่ ๓ วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ช่วงที่ ๒ |
Tue, 19 April 2016
คุณประสาน พุทธกุลสมศิริบรรยายธรรมะในคอร์สอังกฤษ พร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Jess Peter Koffman - วิธีการทำสมาธิ |
Tue, 19 April 2016
"ศัตรูของสมาธิคือความฟุ้งซ่านของใจ ใจฟุ้งซ่านคือ ใจที่ไหลไป ใจที่เคลื่อนไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจไหลไปดู ใจไหลไปฟัง ใจไหลไปรู้รสชาติอาหาร ใจไหลไปดมกลิ่น ใจไหลไปรับรู้กระทบสัมผัสทางร่างกาย ใจไหลไปคิด ขณะนั้นใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะนั้นใจไม่มีสมาธิ ความฟุ้งซ่าน ความเคลื่อน ถือเป็นกิเลส ที่เรียกว่า โมหะ แต่กิเลสจะแพ้สติ เพราะฉะนั้น ถ้ารู้ทันจิตที่เคลื่อน จิตที่ฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้นถ้ารู้ทันจิตที่เคลื่อน รู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่าน เมื่อนั้นใจที่เคลื่อน จิตที่ฟุ้งซ่านจะดับ ศัตรูของสมาธิดับ สมาธิก็จะเกิดขึ้นฉับพลัน สมาธินี่จะเกิดขึ้นทีละขณะสั้นๆ เป็นสมาธิที่ดีที่สุดและสำคัญที่สุด" คุณประสาน - "วิธีการทำสมาธิ" วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ |
Mon, 18 April 2016
ศึกษาก่อนว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร สอนเรื่องทุกข์ แล้วทำไมเราถึงทุกข์ เพราะเราอยาก ทำไมเราถึงอยากเพราะอะไร เรายอมรับความจริงไม่ได้ งั้นความจริงของชีวิตเรามีกายกับใจ เรามาดูความจริงที่พระพุทธเจ้าสอน สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นมันก็ดับ เกิด ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ เพราะงั้นถ้าเรายังทุกข์อยู่ เราไปดู เราทำเหตุทำให้เกิดทุกข์หรือเปล่า ถ้าทำ แค่รู้ รู้อย่างที่มันเป็น ใจกังวลได้ไหม ได้ เราแค่รู้ว่าใจกังวล ทันทีที่เรารู้ว่าใจเรากังวล คนที่ภาวนามาช่วงนึงจะเห็นเลย ความกังวลนั้นมันเป็นยังไง ดับต่อหน้าต่อตาเลย พิสูจน์ด้วยตัวเองได้ไหม ได้ แล้วไม่ต้องรอว่าชาติหน้าค่อยไม่ทุกข์ ทำเดี๋ยวนี้ถูกต้องเดี๋ยวนี้ ทุกข์ค่อยๆน้อยไป |
Mon, 18 April 2016
psn590309C คุณประสาน (พร้อมแปลอังกฤษ) The Fruits of Practice Will Keep the Faith Unshaken 9 มี.ค. 59 C
เมื่อปัญญามากขึ้น เห็นความจริงด้วยตัวเอง ได้รับผลของการปฏิบัติด้วยตนเอง ศรัทธาของเราจะแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้น เมื่อเห็นผลของการภาวนา ศรัทธาของเราจะเปลี่ยนจาก "ศรัทธาที่ต้องน้อมใจเชื่อ" ไปเป็น "ศรัทธาที่เห็นความจริง ประจักษ์แจ้งกับใจ และจะเป็นศรัทธาที่ไม่หวั่นไหวอีก " นี่คือศรัทธาที่เราต้องการ ศรัทธาคือความเชื่ออย่างมีเหตุมีผล คนที่เห็นผลของการปฏิบัติก็จะมีความเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้น และจะมีแรงจูงใจที่จะขยันภาวนามากขึ้น วันหนึ่งที่เราปฏิบัติมากพอ ที่คุณภาพของใจเราเปลี่ยนไป จนไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีก วันนั้นจะเป็นวันที่ศรัทธาจะมั่นคงไม่หวั่นไหวอีกต่อไป ใครจะบอกว่า ธรรมนี้ไม่ใช่ ธรรมนี้ไม่ถูกต้อง เราจะไม่เชื่อเพราะเราได้รับผลด้วยตนเองแล้ว ภาวนาไปศรัทธาของเราจะไม่คลอนแคลนอีก |
Mon, 18 April 2016
เมื่อปัญญามากขึ้น เห็นความจริงด้วยตัวเอง ได้รับผลของการปฏิบัติด้วยตนเอง ศรัทธาของเราจะแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้น เมื่อเห็นผลของการภาวนา ศรัทธาของเราจะเปลี่ยนจาก "ศรัทธาที่ต้องน้อมใจเชื่อ" ไปเป็น "ศรัทธาที่เห็นความจริง ประจักษ์แจ้งกับใจ และจะเป็นศรัทธาที่ไม่หวั่นไหวอีก " นี่คือศรัทธาที่เราต้องการ ศรัทธาคือความเชื่ออย่างมีเหตุมีผล คนที่เห็นผลของการปฏิบัติก็จะมีความเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้น และจะมีแรงจูงใจที่จะขยันภาวนามากขึ้น วันหนึ่งที่เราปฏิบัติมากพอ ที่คุณภาพของใจเราเปลี่ยนไป จนไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีก วันนั้นจะเป็นวันที่ศรัทธาจะมั่นคงไม่หวั่นไหวอีกต่อไป ใครจะบอกว่า ธรรมนี้ไม่ใช่ ธรรมนี้ไม่ถูกต้อง เราจะไม่เชื่อเพราะเราได้รับผลด้วยตนเองแล้ว ภาวนาไปศรัทธาของเราจะไม่คลอนแคลนอีก |
Mon, 18 April 2016
"ใจไม่ใช่เราหรอก ใจมันทำอะไรด้วยตัวมันเอง มันไม่ได้ทำอย่างที่เราสั่ง หรืออยากให้ทำหรอก เนี่ยแหละของจริงที่คนในโลกไม่เคยรู้ มันเป็นธรรมดา ที่ใจ พอเห็นความจริงเข้า สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ใจจะยังไม่ยอมรับความจริง ขณะที่มันเห็นความจริงใหม่ๆ ใจบางทีมันก็ตกใจ บางทีมันก็รับไม่ได้ เสียใจ ดูของจริงไปเรื่อยๆ วันหนึ่งใจมันจะจนแต้มกับความเป็นจริง หนีไม่ได้ มันก็จะยอมรับเอง มันจะสู้ความจริงไม่ได้ อะไรมันจะสู้สัจธรรมได้" อะไรจะสู้ความจริงได้ - Nothing can Beat the Truth ธรรมะบรรยายโดยคุณประสาน พุทธกุลสมศิริ แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Jess Peter Koffman ในคอร์สอังกฤษ เดือนมีนาคม 2559 |
Mon, 18 April 2016
"ใจไม่ใช่เราหรอก ใจมันทำอะไรด้วยตัวมันเอง มันไม่ได้ทำอย่างที่เราสั่ง หรืออยากให้ทำหรอก เนี่ยแหละของจริงที่คนในโลกไม่เคยรู้ มันเป็นธรรมดา ที่ใจ พอเห็นความจริงเข้า สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ใจจะยังไม่ยอมรับความจริง ขณะที่มันเห็นความจริงใหม่ๆ ใจบางทีมันก็ตกใจ บางทีมันก็รับไม่ได้ เสียใจ ดูของจริงไปเรื่อยๆ วันหนึ่งใจมันจะจนแต้มกับความเป็นจริง หนีไม่ได้ มันก็จะยอมรับเอง มันจะสู้ความจริงไม่ได้ อะไรมันจะสู้สัจธรรมได้" |
Mon, 11 April 2016
enpsn160309A คุณประสาน (พร้อมแปลอังกฤษ) Learn Until (the mind is) Wise Enough to Never Succumb to Suffering Again 9 มี.ค. 59 A
เรียนจนฉลาดพอที่จะไม่ต้องกลับมาทุกข์อีกตลอดไป Learn Until (the mind is) Wise Enough to Never Succumb to Suffering Again คุณประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สภาษาอังกฤษครั้งที่ ๓ วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๙ ช่วงแรก |
Mon, 11 April 2016
"ธรรมะเรียนด้วยใจ ไม่ใช่เรียนด้วยสมอง เราต้องมีใจที่ถูกต้องก่อน ธรรมะเป็นเรื่องรู้ทันตัวเอง สิ่งที่เราจะเรียน จะเรียนไม่เกินกายกับใจตนเอง นักภาวนาไม่มีหน้าที่ทำอะไร แค่คอยรู้ทันใจตนเอง คอยตามรู้ความรู้สึกตนเอง เมื่อใดที่มีสติ กิเลสจะดับ เราไม่มีหน้าที่ห้ามไม่ให้กิเลสเกิด เรามีหน้าที่รู้ทันว่า กิเลสอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีหน้าที่รู้เท่าทันว่า มีกุศลอะไรเกิดขึ้นกับใจ" คุณประสาน - "เรียนจนฉลาดพอที่จะไม่ต้องกลับมาทุกข์อีกตลอดไป" คอร์สภาษาอังกฤษครั้งที่ ๓ วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๙ (psn590309A) |
Tue, 5 April 2016
"โดยธรรมชาติ จิตมีหน้าที่ฟุ้ง จิตมีหน้าที่ส่งออก เรามีหน้าที่รู้ แต่ทำไมเราถึงเพ่ง เพราะอะไร พอส่งออก พอฟุ้ง เราไม่ชอบ เราก็ไปบังคับ จริงๆ เรามีหน้าที่รู้อย่างที่มันเป็นนะคะ" สนทนาธรรมกับคุณมาลี ปาละวงศ์ ที่บ้านจิตสบาย วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2559 |
Tue, 5 April 2016
"หลวงพ่อสอนใช่มั้ยคะ ถ้าเราไปดูลมตรงๆ ส่วนใหญ่นะไปติดเพ่งแน่นอนเลย นึกออกมั้ยทำไมถึงติดเพ่งนะคะ เพราะเวลาที่จิตเนี่ยมันละเอียดมากขึ้น มันรวมเนี่ยนะคะ ลมมันจะโดนทิ้งไป คือลมมันจะหายไปว่างั้นเถอะ มันก็จะเห็นแต่ตัวผู้รู้ ตัวจิตผู้รู้ บริกรรมก็หาย คราวนี้ลมพอไปดูนานๆมันก็หายเหมือนกัน พอหายนักภาวนาตกใจ ว่าลมหาย ก็ต้องเค้น สุดท้ายเคันก็บังคับโดยปริยายโดยที่เราไม่รู้นะ คราวนี้เวลาที่เราดู เราดูแค่ร่างกายนี้ขึ้นลงสบายๆ ความสุขความสบายเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธินะ" คุณมาลี ปาละวงศ์ - มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559 |
Tue, 5 April 2016
นายแพทย์พัชรพล พงษ์ภักดี (คุณหมอเกิ้น) บรรยายธรรมะในคอร์สนโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา วันที่ 19 มีนาคม 2559 |